ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน สร้างคลาสที่เด็กอยากมาเรียนเอง

Browse By

ถ้าพูดถึงการ ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน ครูหลายคนอาจแอบคิดในใจว่า “เอาบอร์ดเกมมาไว้ในโรงเรียน เด็กจะเรียนหรือเด็กจะเล่น?” แต่พอเราได้ลองดูโครงสร้างเกมจริง ๆ จะพบว่า Wits and Wagers แทบจะถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “สื่อการสอน” อยู่แล้ว โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ สถิติ สังคมศึกษา และวิชาทักษะชีวิต / การสื่อสาร

เพราะในหนึ่งเกม เด็ก ๆ ต้อง

  • ประมาณตัวเลขจากข้อมูลไม่ครบ
  • ตัดสินใจบนความเสี่ยง
  • คุยกันในทีม แย้งกันอย่างสุภาพ
  • กล้ารับว่าตัวเองเดาผิด แล้วเรียนรู้จากคำตอบจริง

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราพยายามสอนอยู่แล้วในห้องเรียนปกติ นี่แค่เปลี่ยนจากกระดานไวท์บอร์ด มาเป็นกระดานเกมเท่านั้นเอง

และในยุคที่เด็ก ๆ คุ้นกับโลกออนไลน์เต็มไปหมด เห็นคำโฆษณา ลุ้นนั่นลุ้นนี่ตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ถึงขั้นบางคนเคยได้ยินชื่อหรือเห็นโฆษณาเว็บใหญ่ ๆ ผ่านตาแบบ ทางเข้า UFABET ล่าสุด โดยที่ยังไม่เข้าใจความเสี่ยงด้วยซ้ำ) การดึงพลัง “ความอยากลุ้น–อยากเดา–อยากชนะ” มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอย่างห้องเรียน จึงเป็นทั้งโอกาสทอง และเป็นเกราะป้องกันเด็กในระยะยาวไปพร้อมกัน

บทความนี้เราเลยอยากชวนครู อาจารย์ ติวเตอร์ หรือใครก็ตามที่มีหน้าที่จัดการเรียนรู้ มาลองดูไอเดีย ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน แบบครบวงจร ตั้งแต่เหตุผลว่าทำไมมันถึงเวิร์ก วิธีเตรียมคลาส แผนการใช้เกมกับแต่ละวิชา การควบคุมชั้นเรียน ไปจนถึงตัวอย่างสถานการณ์จริง และ FAQ สำหรับคนที่อยากลองใช้สอนในภาคเรียนหน้า


เข้าใจ Wits and Wagers แบบฉบับคุณครูก่อน

เพื่อจะเอาไปใช้สอน เดี๋ยวเราขอรีเฟรชตัวเกมสั้น ๆ ในมุมที่ “ครูเอาไปต่อยอดได้ทันที”

โครงสร้างหลักของเกม

  • เกมถามคำถามที่คำตอบเป็น “ตัวเลข” เสมอ
  • ทุกคน (หรือทุกทีม) เขียนคำตอบตัวเองลงกระดานเล็กแบบลบได้
  • นำคำตอบทั้งหมดมาเรียงจากน้อยไปมากบนกระดานกลาง
  • ทุกทีมวางชิปเดิมพันลงบนคำตอบที่ “คิดว่าใกล้คำตอบจริงที่สุดแต่ไม่เกิน”
  • ช่องต่าง ๆ บนกระดานมีอัตราจ่ายไม่เท่ากัน (บางช่องเสี่ยงสูง แต่ได้คะแนนเยอะ)
  • เล่น 7 คำถาม ใครได้คะแนนมากสุดเป็นผู้ชนะ

ถ้ามองผ่านแว่นของครู จะเห็นทักษะเหล่านี้ชัดมาก:

  • ทักษะการประมาณค่า (estimation)
  • ความเข้าใจตัวเลขใหญ่–เล็ก สเกล และหน่วย
  • การสื่อสารและเจรจาภายในทีม
  • การตัดสินใจบนความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล
  • การยอมรับความผิดพลาด และใคร่ครวญเหตุผลใหม่จากคำตอบจริง

นี่คือชุดทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกหลักสูตรทั่วโลกพยายามดึงเข้าไปอยู่ในคาบเรียนอยู่แล้ว


ทำไม “ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน” ถึงเวิร์กกว่าที่คิด

ลองมองแบบเปรียบเทียบง่าย ๆ ว่าถ้าเราสอนเรื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนจาก “บรรยายหน้าชั้น” เป็น “เล่นเกม 1 รอบ” ภาพความต่างเป็นยังไง

ตารางเปรียบเทียบ: บทเรียนปกติ vs ใช้ Wits and Wagers

มิติการสอนรูปแบบสอนปกติใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน
บทบาทของเด็กฟัง จด ทำแบบฝึกหัดคิด–เดา–คุย–ตัดสินใจ–เถียงกันบนฐานเหตุผล
บทบาทของครูผู้บรรยาย/เฉลยผู้ออกแบบกิจกรรมและผู้อำนวยการสนทนา
พลังงานในห้องเรียนเงียบบ้าง ง่วงบ้างเสียงดัง หัวเราะ ลุ้น สนทนาอย่างมีเป้าหมาย
การเข้าใจตัวเลข/สเกลผ่านตัวอย่างบนกระดานผ่านการเดา+เปรียบเทียบคำตอบของเพื่อน
ทักษะการทำงานเป็นทีมต้องจัดกิจกรรมแยกเกิดอัตโนมัติระหว่างคิดคำตอบและวางชิป
ทักษะจัดการอารมณ์ไม่ค่อยถูกแตะเด็กได้เจอแพ้–ชนะ–เสียดาย–ดีใจในสเกลเล็ก
ความจำระยะยาวจำบทเรียนเป็นส่วน ๆจำผ่านประสบการณ์ลุ้นและอารมณ์ร่วมทั้งวง

แค่เปลี่ยน media จาก “กระดานสอน” เป็น “กระดานเกม” เด็ก ๆ จะรู้สึกว่าเวลา 30 นาทีผ่านไปไวขึ้นมาก แต่กลับได้ประสบการณ์หนาแน่นกว่าเดิม


วางแผน “ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน” แบบ 3 ช่วง

เพื่อให้เอาไปใช้จริงง่าย เราขอแบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ ๆ ที่ครูออกแบบได้เอง

ช่วงที่ 1 – ก่อนเล่น: ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ให้ชัด

อย่าเริ่มจากคำถามว่า “เด็กจะสนุกไหม” อย่างเดียว ลองเริ่มจาก

“คาบนี้เราอยากให้เด็กได้อะไรกลับไป 1–2 อย่าง?”

ตัวอย่างเป้าหมาย:

  • เข้าใจแนวคิด “การประมาณค่า” และรู้ว่าทำไมบางทีการเดาแบบมีเหตุผลก็เพียงพอ
  • ฝึกให้เด็กฟังเหตุผลของเพื่อนก่อนตัดสินใจ
  • ให้เด็กเห็นว่าค่าเฉลี่ย/การกระจุกของคำตอบบนกระดานแปลว่าอะไร (โยงเข้าหัวข้อสถิติ)

เมื่อเป้าชัด เราจะเลือกคำถาม วิธีแบ่งทีม และวิธีสรุปบทเรียนได้ตรงจุดมากขึ้น

ช่วงที่ 2 – ขณะเล่น: ครูถอยครึ่งก้าว ให้เด็กเป็นคนขับ

ระหว่างเล่น ครูไม่จำเป็นต้องคอยควบคุมทุกอย่าง แต่อาจทำหน้าที่

  • คอยถามคำถามนำ: “ทำไมทีมนี้ถึงคิดว่าคำตอบควรจะสูงกว่าเพื่อน?”, “ถ้าเปลี่ยนหน่วยล่ะ เลขจะเปลี่ยนแค่ไหน?”
  • คอยกำกับโทน: ให้การแซวกันเป็นเชิงบวก ไม่ล้อเสียหน้า
  • ช่วยตีความคำตอบจริง: หลังเฉลยแต่ละข้อ ลองถามว่า “อะไรทำให้เราประเมินต่ำ/สูงไปมากขนาดนี้?”

ตรงนี้เองที่ทักษะของครูเปลี่ยนจาก “ผู้เฉลยคำตอบ” เป็น “โค้ชการคิด”

ช่วงที่ 3 – หลังเล่น: สรุปความรู้ที่ซ่อนอยู่ในความสนุก

อย่าปล่อยให้เกมจบแล้วแค่ประกาศผู้ชนะ ลองใช้เวลา 5–10 นาทีท้ายชั่วโมงทำสิ่งเหล่านี้

  • ให้แต่ละทีมแชร์ “รอบที่จำที่สุด” และเหตุผลว่าทำไม
  • ถามเด็กว่า “รอบไหนที่เราตัดสินใจดี แต่ผลไม่เข้า? รอบไหนที่เราตัดสินใจไม่ดีแต่ดันฟลุค?”
  • เขียนบทเรียนหลัก 2–3 ข้อบนกระดาน เช่น “เรามักประเมินตัวเลขที่ไม่คุ้นเคยน้อยไป/มากไปเสมอ”, “การฟังเหตุผลเพื่อนทำให้เราปรับตัวเลขในหัวได้ดีขึ้น”

จุดนี้เองที่เกมถูกผูกกลับเข้าไปเป็น “บทเรียน” อย่างสมบูรณ์


ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียนคณิต–สถิติ

มาดูเคสที่เห็นภาพง่ายที่สุดก่อน: วิชาคณิตและสถิติ

ฝึกการประมาณค่า (Estimation)

เด็กจำนวนไม่น้อยเก่งคำนวณบนกระดาษ แต่พอเจอคำว่าประมาณค่า กลับงงว่า “ต้องให้เป๊ะไหม” การใช้คำถามแนว

  • “ในหนึ่งปีห้องสมุดโรงเรียนเรามีคนยืมหนังสือกี่ครั้ง?”
  • “สนามฟุตบอลยาวประมาณกี่เมตร?”

แล้วให้เด็กเดา พร้อมอธิบายเหตุผล จะช่วยให้เขาเห็นว่า การประมาณค่า = การใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มี มาเดาตัวเลขในช่วงที่สมเหตุสมผล

เชื่อมเข้าหัวข้อสถิติพื้นฐาน

หลังจากเล่นไปแล้ว ครูสามารถเอาคำตอบทั้งหมดบนกระดานมาใช้ต่อได้เลย เช่น

  • ให้เด็กหาค่าเฉลี่ยของคำตอบทั้งห้อง
  • ดูว่าคำตอบส่วนใหญ่กระจุกอยู่ช่วงไหน (ค่าเฉลี่ย/มัธยฐาน)
  • เปรียบเทียบคำตอบเฉลี่ยของห้องกับคำตอบจริง

แทนที่จะให้เลขสุ่มในหนังสือเรียน เราได้ “ชุดข้อมูลจริงจากห้องเรียน” ที่เด็กสร้างเอง


ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียนสังคม–ประวัติศาสตร์

วิชาสังคมและประวัติศาสตร์เต็มไปด้วย “ปี / จำนวน / ระยะเวลา” ที่พอเอามาแปลงเป็นคำถามตัวเลขได้

ตัวอย่างเช่น

  • “สงคราม X ยาวนานกี่ปี?”
  • “ในปีหนึ่ง ๆ เมือง Y มีนักท่องเที่ยวประมาณกี่คน?”
  • “มีประเทศกี่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ?”

เด็กอาจไม่จำตัวเลขเป๊ะ แต่การเดา–เฉลย–คุย จะทำให้พวกเขาเริ่มเห็น “สเกลของโลก” มากขึ้น เช่น อะไรคือสงครามที่สั้น/ยาว, จำนวนประชากรระดับประเทศใหญ่ ๆ ประมาณเท่าไหร่ ฯลฯ


ดีไซน์คำถามให้ตรงหลักสูตรและวัยของผู้เรียน

หัวใจของการ ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน ให้ออกมาดี คือ “คำถามต้องพอดี”

หลักง่าย ๆ ในการออกแบบคำถาม

  1. ตอบเป็นตัวเลขเดียวจบ – ไม่ตีความสองแบบ
  2. ไม่มีใครรู้เป๊ะ ๆ ในห้อง – ให้ทุกคนต้องเดา ไม่ใช่สอบความจำ
  3. อยู่ในโลกที่เด็กพอมีภาพ – แม้จะไม่รู้ตัวเลข แต่พอเดาได้ เช่น กีฬา เที่ยวเล่น อินเทอร์เน็ต ฯลฯ

ตัวอย่างตามช่วงวัย

ประถมต้น–กลาง

  • จำนวนวันหยุดนักขัตฤกษ์ในปีนี้
  • จำนวนหนังสือในห้องสมุดโรงเรียน
  • จำนวนชั้นของตึกเรียนทุกตึกในโรงเรียนรวมกัน

ประถมปลาย–มัธยมต้น

  • จำนวนผู้ติดตามช่อง YouTube สายการศึกษา/บันเทิงที่เด็กคุ้นเคย
  • ระยะทางกรุงเทพฯ–เชียงใหม่เป็นกี่กิโลเมตร
  • จำนวนประเทศสมาชิกอาเซียน / สหประชาชาติ ฯลฯ

มัธยมปลาย–มหาวิทยาลัย

  • จำนวนประชากรประเทศต่าง ๆ
  • ระยะเวลาการเกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์
  • สถิติพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์หรือสังคม เช่น อัตราอ่านออกเขียนได้ ฯลฯ

การจัดการชั้นเรียน: เสียงดังได้ แต่ต้องมีกรอบ

ครูหลายคนอาจกังวลว่า “เกมนี้มันเสียงดังมาก เดี๋ยวห้องข้าง ๆ บ่น” อันนี้เป็นของคู่กันกับเกมปาร์ตี้อยู่แล้ว แต่เราสามารถตั้งกรอบให้มันเป็นเสียงดังแบบมีวินัยได้

Tips จัดการห้อง

  • กำหนด “สัญญาณเริ่ม–หยุด” ชัดเจน เช่น เคาะโต๊ะ 3 ครั้ง หรือใช้กระดิ่ง
  • จำกัดเวลาในแต่ละช่วง เช่น เขียนคำตอบ 30 วินาที วางชิป 20 วินาที เพื่อให้เกมเดินเร็ว ไม่ยืด
  • แบ่งหน้าที่ในทีม: คนเขียน, คนดูเวลา, คนอธิบายเหตุผล ช่วยให้เด็กทุกคนมีบทบาท

ความยุติธรรมในการให้คะแนน

  • ย้ำชัดว่า “เป้าหมายคือเรียนรู้” คะแนนในเกมไม่ถูกบันทึกเป็นเกรดอย่างเป็นทางการ (เว้นแต่ครูตั้งใจใช้เป็นส่วนหนึ่งของคะแนนเก็บ)
  • ถ้าอยากให้มีแรงจูงใจ แทนที่จะให้คะแนนจริง อาจให้เป็น “ดาว”, “เหรียญ” หรือ “สิทธิ์เลือกเกมรอบหน้า”

ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียนออนไลน์/ไฮบริด

ช่วงที่การเรียนออนไลน์ยังเป็นเรื่องปกติ การเอาเกมนี้ไปใช้ในคลาสออนไลน์ก็ทำได้เช่นกัน

  • ใช้สไลด์แชร์ “กระดานกลาง” แล้วให้เด็กส่งคำตอบผ่านแชตส่วนตัว
  • ครูเป็นคนพิมพ์คำตอบเรียงบนสไลด์แทนกระดานจริง
  • ใช้ reaction / emoticon แทนเสียงเฮในห้องเรียน
  • เด็กยังได้ประมาณค่า วางชิป (อาจใช้เป็นคะแนนเสมือน) และลุ้นคำตอบเหมือนเดิม

ข้อดีอย่างหนึ่งคือเก็บหลักฐานได้ง่าย เช่น ภาพหน้าจอคำตอบของห้อง เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อหรือให้เด็กเขียน reflection หลังชั่วโมงเรียน


เคสตัวอย่างไอเดียใช้จริง

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองดูตัวอย่างสมมติ 3 เคส

เคส1️⃣ – ครูคณิต ม.2 สอนเรื่องค่าเฉลี่ย

  1. ครูเตรียมคำถาม 5 ข้อเกี่ยวกับสถิติจริง ๆ ใกล้ตัวเด็ก
  2. เล่น Wits and Wagers 1 เกมเต็ม (7 คำถาม) โดย 5 ข้อเป็นคำถามที่ครูเตรียม
  3. หลังเกม นำคำตอบทุกคำถามมาเขียนในตารางบนกระดาน
  4. ให้นักเรียนช่วยกันหาค่าเฉลี่ย / มัธยฐาน จากคำตอบของทั้งห้อง
  5. ปิดคาบด้วยการให้เด็กเขียนสั้น ๆ ว่า “ทำไมค่าเฉลี่ยกับคำตอบจริงอาจไม่เท่ากัน”

เคส2️⃣ – ครูสังคม ม.ต้น สอนประวัติศาสตร์โลก

  1. เลือกเหตุการณ์สำคัญ 5 เหตุการณ์ที่อยากให้เด็กจำ “ความยาวของเหตุการณ์” ได้คร่าว ๆ
  2. ทำเป็นคำถาม Wits and Wagers ให้เด็กเดาว่ากินเวลานานกี่ปี
  3. ระหว่างเฉลยในแต่ละข้อ ครูเล่าเกร็ดประวัติเพิ่มเติมสั้น ๆ
  4. ปิดด้วยการให้เด็กเรียงเหตุการณ์จากสั้นไปยาวอีกครั้งหนึ่ง (หลังรู้คำตอบจริงแล้ว)

เคส3️⃣ – วิชาทักษะชีวิต / การเงิน ม.ปลาย

  1. ใช้คำถามเกี่ยวกับจำนวนเงิน อัตราดอกเบี้ย หรือตัวเลขทางการเงิน (แบบไม่เครียด)
  2. ให้เด็กเดาและวางชิป แล้วพูดคุยเรื่อง “การตัดสินใจบนความเสี่ยง”
  3. เชื่อมไปสู่บทเรียนว่าบนโลกจริง การเล่นกับเงิน หรือลุ้นผลแบบต่าง ๆ (รวมถึงโลกออนไลน์ที่บางคนเคยเห็นชื่อเว็บดังอย่าง ยูฟ่าเบท ผ่านโฆษณา) ควรมีสติและวางขอบเขตให้ชัดเจนกว่าตอนเล่นเกมในห้องเสมอ

FAQ: คำถามที่ครูมักสงสัยเวลาอยากใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน

ต้องมีบอร์ดเกมกี่กล่องถึงจะเล่นกับทั้งห้องได้

ถ้าห้องไม่ใหญ่มาก (20–30 คน) มีแค่ 1 กล่องก็เล่นได้ โดย

  • แบ่งเป็นทีม 4–6 ทีม
  • ใช้กระดานคำตอบแทน “ทีมละ 1 แผ่น”
  • เด็กทั้งห้องร่วมลุ้นคำถามเดียวกัน

ถ้าอยากให้เด็กจับต้องอุปกรณ์เองเยอะขึ้น อาจค่อย ๆ เพิ่มเป็น 2 กล่องแล้วแบ่งเล่น 2 โต๊ะในอนาคตก็ได้

ใช้เวลาเท่าไหร่ต่อหนึ่งกิจกรรม

เกมเต็ม ๆ 7 คำถามใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที หรือถ้าเวลาน้อย สามารถลดเหลือ 4–5 คำถาม แล้วใช้เวลาที่เหลือทำกิจกรรมสรุป/วิเคราะห์ข้อมูลต่อได้

เด็กจะมัวแต่สนุกจนไม่ได้เรียนรู้จริง ๆ ไหม

หน้าที่ของครูคือ “ล็อกเป้าหมายการเรียนรู้” ให้ชัด และตั้งคำถามสะท้อนหลังเกม เช่น

  • วันนี้เราได้เห็นอะไรจากการเดาตัวเลข
  • รอบไหนที่เรา “คิดดีแต่ฟลุคไม่เข้า”
    พอมีการสะท้อนแบบนี้ เด็กจะค่อย ๆ เชื่อมเกมเข้ากับบทเรียนเอง

ต้องประเมินคะแนนจากเกมยังไงดี

ถ้าเป็นคาบแรก ๆ แนะนำให้ใช้เป็นกิจกรรม “ไร้คะแนน” ก่อน เพื่อให้เด็กไม่เครียดกับการพลาด แล้วสักพักค่อยเสริมเป็นคะแนนจิตพิสัย เช่น

  • ให้คะแนนทีมที่ร่วมมือดี
  • ให้คะแนนเด็กที่กล้าอธิบายเหตุผลหน้าชั้น

ใช้กับเด็กเล็กประถมต้นได้ไหม

ได้ แต่ครูต้องช่วยลดระดับความยากของคำถาม และอาจใช้ตัวเลขเล็ก ๆ ใกล้ตัว เช่น

  • จำนวนโต๊ะเรียนในห้อง
  • จำนวนหนังสือในชั้นหนึ่งช่อง
    และใช้เกมเป็นการฝึกนับ–เปรียบเทียบมากกว่าทฤษฎีสถิติจริงจัง

ถ้านักเรียนบางคนไม่ชอบเล่นเกม หรือรู้สึกอายเวลาเถียงในทีม ทำยังไง

ครูสามารถ

  • ให้บทบาทที่ไม่ต้องพูดเยอะ เช่น คนเขียน คนจับเวลา
  • ค่อย ๆ ชวนเขาพูดทีละน้อย เช่น ถามว่า “เธอคิดว่าเลขนี้สูงไปไหม” มากกว่าขอให้พูดยาว ๆ
    เมื่อเขาเริ่มมั่นใจในทีมเล็ก ๆ แล้ว การพูดต่อหน้าห้องจะง่ายขึ้นโดยอัตโนมัติ

ต้องเก่งบอร์ดเกมก่อนถึงจะใช้สอนได้ไหม

ไม่จำเป็นเลย แค่ครูลองเล่นเองสัก 1–2 รอบ (จะเล่นคนเดียวแบบจำลองทีมก็ยังได้) เพื่อให้คุ้นกับจังหวะเกม จากนั้นการเล่าให้เด็กฟังจะไหลลื่นเอง และเด็กมักเรียนรู้กติกาเร็วมากอยู่แล้ว


🧩ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน ให้เกมกลายเป็นบทเรียนที่เด็กไม่มีวันลืม

การ ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน ไม่ได้แปลว่าเรายอมให้ “ความสนุก” มาทับ “ความรู้” แต่มันคือการหยิบความสนุกมาเป็นพาหนะให้ความรู้เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น เด็กจะได้ฝึกคิด เดา ประมาณค่า ฟังคนอื่น ตัดสินใจบนข้อมูลไม่ครบ และจัดการอารมณ์ของตัวเองจากการแพ้–ชนะในสเกลเล็ก ๆ

ในโลกที่เด็กต้องเจอกับการตัดสินใจเสี่ยง ๆ ตั้งแต่อายุน้อย ทั้งในเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน หรือแม้กระทั่งโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยคำเชิญชวนให้ “ลองลุ้นดูสักครั้ง” ไม่ว่าจะผ่านเกม แอป หรือเว็บไซต์ใหญ่ ๆ (บางครั้งก็เป็นชื่อที่ผู้ใหญ่คุ้นดีอย่าง สมัคร UFABET) การที่เรามีพื้นที่อย่างห้องเรียนให้เขาได้ลองเสี่ยง ลองเดา ลองผิด ลองถูก บนโต๊ะเกมเล็ก ๆ ที่มีแต่ชิปกับเสียงหัวเราะ จึงเป็นการซ้อมชีวิตที่ปลอดภัยและมีคุณค่ามาก

ถ้าวันนี้คุณเป็นครูที่กำลังมองหาวิธีเปลี่ยนคาบเรียนธรรมดาให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เด็กพูดถึงต่ออีกหลายวัน ลองเริ่มจากการหยิบบอร์ดเกมหนึ่งกล่อง มาวางกลางห้อง แล้วประกาศว่า “วันนี้เราไม่ได้แค่เรียน…เราจะลองเดาโลกใบนี้ด้วยกัน” ผ่านการ ใช้บอร์ดเกม Wits and Wagers ในห้องเรียน ดูสักครั้ง คุณอาจจะค้นพบว่าทั้งเด็กทั้งครู ต่างก็ยังมีพื้นที่เล็ก ๆ ในใจสำหรับการเรียนรู้ผ่านการเล่นอยู่เสมอ 💛